August 13, 2021
AutoZwap Showcase: Volvo XC40 Recharge EV
AutoZwap Showcase: Volvo XC40 Recharge EV (Short Review)
Specification:
- เครื่องยนต์ (Engine): มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว หน้า-หลัง 408 แรงม้า 660 นิวตัน เมตร (Boost Mode)
- ระบบเกียร์ (Transmission): 1 Speed Gearbox
- อัตตราเร่ง (Acceleration) 0-100: 4.9 วินาที
- ความเร็วสูงสุด (Top speed): 180 kmh (Electronically Limited)
- น้ำหนัก (Weight): 2,188 kg
- สี (Colour): Sage Green Metallic
คู่แข่งของรถคันนี้ (Direct competitor): Tesla Model Y, Mercedes benz EQA, Volkswagen ID.4, Polestar 2
สรุปแบบสั้นๆ
- หน้าตาคล้ายรุ่นสันดาบแต่มีช่องเก็บของใต้กระโปรงหน้าเพิ่มขึ้น
- สีเขียว Pastel สวยมากให้อารมณ์เหมือน Range Rover
- จุดติดตั้งแบตฯค่อนข้างเตี้ยเมื่อเทียบกับความสูงของตัวรถ
- อัตตราเร่งดีมากๆสำหรับรถทรงนี้
- ช่วงล่างค่อนข้างแน่นสำหรับรถทรงนี้
- ความรู้สึกเบรกยังไม่ประทับใจ
- ล็อคความเร็ว 184 กม/ชม เสียดายที่ตัวรถยังมีศักยภาพอีกเยอะ
- ระยะการขับขึ้นอยู่กับน้ำหนักเท้า 245 - 420 กม
- เมื่อเทียบประสิทธิภาพต่อราคาแล้วถือว่าทำได้ดีที่สุดในตลาด
Volvo XC40 Recharge EV เป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนคันแรกที่ Volvo Thailand ได้นำมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยรถยนต์คันนี้ถูกเปิดให้ผู้คนจับจองครั้งแรกในงาน Motor Expo 2020 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยสิงหาคมนี้รถยนต์ XC40 Recharge EV Lot แรกก็ได้เข้ามาถึงประเทศไทยแล้ว โดยทาง AutoZwap ก็ได้รับโอกาสในการถ่ายรูป และรวมถึงได้ทำการ Test Drive สำหรับ AutoZwap Showcase ในครั้งนี้ด้วย
มาเริ่มกันที่ภายนอกครับ Exterior ของ XC40 Recharge EV นั้นใช้ chassis เดียวกับรุ่น T5 T4 และ D3 จุดแตกต่างในรุ่น EV คือกระจังหน้าบริเวณโลโก้ Volvo ที่ถูกปิดทึบลง โดยในรุ่นก่อนหน้านี้บริเวณกระจังหน้าเป็นจุดระบายอากาศของหม้อน้ำและ intercooler ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้หน้าตารถยนต์ดูทันสมัยขึ้นเล็กน้อย เมื่อเปิดฝากระโปรงหน้าขึ้นมาก็จะเห็นจุดแตกต่างที่ชัดเจนที่สุด นั่นก็คือเครื่องยนต์ที่วถูกแทนที่ด้วยที่เก็บของขนาดเล็ก (กระเป๋าผ้าเดินทางใบเล็ก) โดยพื้นที่นี้เรียกว่า Frunk (Front-Trunk) ถือว่าเป็นอีกหนึ่งข้อได้เปรียบของรถยนต์ไฟฟ้าล้วน และ สีรถสไตล์ Pastel ที่โดดเด่นเเละสวยงามเฉพาะสำหรับรุ่น EV และยังมีจุดสังเกตอีกอย่างว่าจุดติดตั้งของแบตอยู่ค่อนข้างเตี้ยและต่ำกว่ากันชนหน้ารถพอสมควร
ในส่วนของภายในถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับรุ่นเครื่องยนต์สันดาบ โดยมีการเปลี่ยนแปลงวัสดุเล็กน้อย เป็นการใช้หนังเพียงชนิดเดียวสำหรับตัวเบาะ ไม่เหมือนกับรุ่น R-Design ที่ใช้หนังกลับ การเพิ่ม Panormic Glass Roof ที่เปิดโล่งไปจนถึงที่นั่งด้านหลังก็ทำให้ภายในรถสว่างและดูใหญ่ขึ้น ในส่วนของวิธีการสตาร์ทรถคันนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากรุ่นนี้ไม่มีปุ่มสตารท์รถแต่การสตารท์นั้นมาอยู่ที่ sensor ของเบาะคนขับแทน เมื่อตัวรถสัมผัสถึงน้ำหนักระบบต่างๆของรถก็จะติดขึ้นและสามารถเข้าเกียร์ขับเคลื่อนได้ทันที อีกจุดเปลี่ยนสำคัญที่ชัดเจนที่สุดคือระบบ Software ที่มีการใส่ระบบจาก Google เข้าไปเพื่อการใช้งาน App จาก Google เช่น Maps, Assistance รวมถึงระบบ Music และ Media ของรถอีกด้วย ส่วนเรื่องหน้าตาของระบบก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลแต่ก็ต้องใช้เวลาเรียนรู้การใช้งานใหม่เล็กน้อย
มาพูดถึงการขับขี่ของรถคันนี้บ้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผมสนุกเเละประทับใจที่สุดในการ Test Drive คันนี้ ส่วนตัวผมขับ Volvo V60 T8 เป็นประจำ ซึ่งก่อนที่จะได้ทดลองขับ XC40 ก็มีการเปรียบเทียบอัตราเร่งตามเลขโรงงานซึ่งทำให้ผมมีอัคติว่า “XC40 EV เร่งได้ช้ากว่าเเน่เลย” แต่ทว่าพอได้ทดลองออกจากด่านทางด่วนแบบกดคันเร่งจมเเล้วผมก็มีอาการเหวอเล็กน้อย โดยไม่ได้คิดว่าจะสามารถเร่งจนหลังติดเบาะได้ขนาดนี้ 0-100 ประมาณ 5 วินาทีถ้วน (รู้สึกเร็วกว่า V60 T8) และที่ชอบมากๆคืออัตตราการตอบสนองต่อการกดคันเร่งที่ไม่ต้องเลี้ยงรอบรอไว้ โดยจุดนี้ทำให้เวลาเร่งแซงมีความมั่นใจมากขึ้น ในส่วนของช่วงล่างผมคิดว่าออกแบบมาในทางที่ค่อนข้างเเน่น และ หนึบมากกว่าที่จะเป็นรถที่เน้นความสบายแต่ก็ไม่ถึงขั้นกระด้าง ซึ่งส่วนตัวมองว่าเหมาะสมแล้วกับความเเรงของตัวรถ จุดด้อยเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆที่ได้ทดลองขับมาคือการตอบสนองของเบรก โดยตัวเบรกนั้นสามารถหยุดรถได้เมื่อกดเบรกลงลึกแต่ความเเข็ง และ ความหนักของแป้นเบรกนั้นทำให้มีความรู้สึกว่า “เหมือนจะเบรกไม่อยู่” และ การที่รถถูกล็อคความเร็วไว้ที่ 184 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำให้ตัวรถไม่สามารถใช้เเรงม้าที่มีอยู่ได้อย่างเต็มที่ในย่านความเร็วสูง
สิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกอย่างของ XC40 EV คือระยะทางในการขับขี่ โดยตอนที่ได้ทดสอบตัวรถนั้นมีการเติมคันเร่งและกดเบรกค่อนข้างหนัก โดยการขับขี่บนทางด่วนทั้งหมดนั้นมีระยะทางประมาณ 22 กิโลเมตร ต้องใช้พลังงานไปทั้งหมด 9% จาก 90% จึงเหลือ 81% ซึ่งถ้าคำนวณจากข้อมูลที่ได้มา การขับขี่จาก 100% ถึง 0% นั้นจะทำได้เพียง 245 กิโลเมตรโดยประมาณ หรือถ้าขับโดยไม่เร่งเเละเบรกหนักๆ ระยะทางก็จะขึ้นมาที่ 380-420 กิโลเมตร โดยส่วนตัวมองว่าถ้าไม่ได้เดินทางเกิน 300 กิโลเมตร ในวันเดียว เรื่องระยะทางก็คงไม่เป็นปัญหา (ถ้าไม่ขับด้วยความเร็วสูง) หรือถ้าหาเครื่องชาร์จ DC ในเส้นทางเดินทางได้ก็ช่วยลดปัญหาเรื่องนี้ไปได้พอสมควร
สรุปแล้วสำหรับผมที่ไม่ได้คิดจะใช้รถเดินทางไปไหนเกิน 250 กิโลเมตร ต่อวัน มีที่ชาร์จในบ้าน (AC) และ นั่งไม่เกิน 4 คน ผมคิดว่า XC40 EV Twin ถือว่าเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆในใจเลย เนื่องจากราคาต่อประสิทธิภาพถือว่าเป็นที่หนึ่งในตลาดรถไฟฟ้าในเมืองไทย (2,590,000 บาท) รวมถึง Options มากมายที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการขับขี่เลยทำให้รถ EV ยี่ห้ออื่นในไทยตกที่นั่งลำบากพอสมควร แต่ถ้าหาก Volvo สามารถนำระบบขับเคลื่อนชุดนี้มาใส่ในรถ Sedan/Estate อย่าง S/V 60/90 ได้ ผมก็คิดว่าสามารถตอบโจทย์ผู้คนได้อีกมากมาย การมาของ XC40 EV นับได้ว่าเป็นก้าวสำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าใน
By: Ohm Ratchaphol Poonpermsuwan
*ทาง AutoZwap ขอขอบคุณทาง Wearners หัวหมากที่ให้นำเสนอรถยนต์คันนี้ และ ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน กด Like ติดตาม และ Share เพื่อเป็นกำลังใจพวกเรา ติดตามชม AutoZwap Showcase ได้ใหม่ในครั้งหน้า จะเป็นรถรุ่นไหนไว้ติดตามชมได้เลยครับ*